คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าต่ออีก 3 ปี โจทก์ฟ้องขับไล่มิได้ และฟ้องแย้งว่าถ้าจำเลยต้องออกจากตึกเช่า ก็ให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าขนย้ายกับเงินกินเปล่าที่จะไปอยู่ใหม่ ดังนี้ ถือว่าฟ้องแย้งของจำเลยมีเงื่อนไข คือ ขอให้บับคับตามฟ้องแย้งต่อเมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาขับไล่ จึงไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณา และชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3 และมาตรา 179 วรรคสุดท้าย.
(อ้างฎีกาที่ 956/2502)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าต่อไปอีก มีกำหนด ๓ ปี โจทก์ฟ้องขับไล่มิได้ ถ้าโจทก์ขืนให้จำเลยออกจากตึกพิพาทก่อนครบอายุการเช่า ๓ ปี จำเลยต้องเสียหาย จึงฟ้องแย้งว่า ถ้าจำเลยต้องออกจากตึกเช่า ก็ให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าใช้ค่าขนย้ายและเงินกินเปล่าที่จะไปอยู่ใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกาขอให้รับฟ้องแย้ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องแย้งจะต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรค ๓ และมาตรา ๑๗๙ วรรคสุดท้าย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ มีเงื่อนไข คือ ขอให้บังคับตามฟ้องแย้งต่อเมื่อจำเลยที่ ๑ ถูกศาลพิพากษาให้ขับไล่ออกจากตึกพิพาท ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจะพิจารณารวมกับฟ้องเดิมไม่ได้ จนกว่าศาลจะพิพากษาขับไล่จำเลยเสียก่อน ทั้งนี้ตามฎีกาที่ ๙๕๖/๒๕๐๒
จึงพิพากษายืน.

Share