แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การถือว่า ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะสืบ ศาลคงพิจารณาเพียงว่าโจทก์นำสืบสมฟ้องหรือไม่เท่านั้น
คำสั่งศาลที่ว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยต้องโต้แย้งขอให้ศาลจดรายงานไว้ จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ราคาเรือที่เช่าไปจากโจทก์ แล้วจำเลยได้ทำอัปางเสีย พร้อมทั้งค่าป่วยการรายวัน และค่าเสียหายตามสัญญา
ชั้นพิจารณา จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ฝ่ายเดียวแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินค่าเรือ และดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาไม่พอฟังว่าเป็นผู้ค้ำประกัน ไม่ต้องรับผิด ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยจงใจขาดนัดขอให้พิจารณาพะยานโจทก์ฝ่ายเดียว
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยมิได้โต้แย้ง และขอให้จดลงไว้ในรายงาน จึงไม่ชอบที่จะอุทธรณ์ และคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ชอบแล้ว ส่วนอุทธรณ์คำพิพากษานั้นฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ยื่นฎีกาต่อมาว่า การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ โดยไม่ต้องโต้แย้งคำสั่ง และขอให้ศาลจดรายงานไว้ เพราะคำสั่งของศาลชั้นต้นขัดแย้งกับความประสงค์ของจำเลยที่ขอไว้แล้ว ส่วนคดีตามท้องสำนวน จำเลยเห็นว่า เรือของโจทก์ได้อับปางลงกลางทะเลสมดังคำจำเลย ๆ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าตาม ป.วิแพ่งมาตรา ๒๒๖ ห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคำสั่งใดให้ศาลจดข้อโต้แย้งนั้นไว้ในรายงาน คู่ความที่โต้แย้งชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนด ๑ เดือนนับแต่วันศาลได้มีคำพิพากษา หรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีเป็นต้นไป จำเลยหาได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวแล้วไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในข้อนี้ ส่วนฎีกาของจำเลยในท้องสำนวนนั้นศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ มิได้ยกข้อต่อสู้อันใดไว้ คดีคงมีปัญหาแต่เพียงว่า ทางพิจารณาได้ความสมฟ้องหรือไม่ ซึ่งในข้อนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์