แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาเช่าที่ดินมีกำหนด 10 ปี ถือว่าเป็นสัญญาที่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดแน่นอน และเมื่อครบกำหนดเวลาสิ้นสุดตามสัญญาเช่า เช่นนี้ สัญญาเช่านั้นย่อมระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564 โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อน.
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๔๙๖ จำเลยได้เช่าที่ดินโฉนดที่ ๑๘๔๖ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ของโจทก์ต่อนายประดิษฐ์ รัตนพฤกษ์ บิดาโจทก์ในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม สัญญามีกำหนด ๑๐ ปี เช่าเพื่อตั้งโรงเลื่อยไม้ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๐๖ บิดาโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยว่า เมื่อถึงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๐๖ ให้ถือว่าสัญญาเช่าได้เลิกแล้ว หมดอายุสัญญาเช่าไม่มีการต่ออายุสัญญาเช่ากันอีก จำเลยได้รับหนังสือแล้วกลับเพิกเฉยเสีย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและให้ออกไปจากที่เช่านี้
จำเลยให้การว่า ได้เช่าที่ดินของโจทก์โดยตกลงค่าเช่าปีละ ๒,๐๐๐ บาท โจทก์ได้เก็บค่าเช่าจากจำเลยเป็นรายปี เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๐๖ บิดาโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับจำเลย ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปภายใน ๕ วันนับแต่วันสิ้นสุดแห่งสัญญา แต่จำเลยรื้อถอนออกไปไม่ทันในกำหนดเวลา จำเลยเห็นว่าการบอกกล่าวของบิดาโจทก์เป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๖ โจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยให้ถูกต้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๐๖ การที่จำเลยอยู่ต่อมาโดยโจทก์ไม่ประสงค์ จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกไปจากที่พิพาท และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายที่จำเลยโต้เถียงคัดค้านมาว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยกำหนดเวลาให้จำเลยออกจากที่เช่าภายใน ๕ วัน นับแต่วันสัญญาสิ้นสุดลง เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๖ และบิดาโจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาแทนโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๖ เป็นกรณีการเช่าที่กำหนดเวลาเช่าไม่ปรากฏในความที่ตกลงกันหรือไม่พึงสันนิษฐานได้ ท่านจึงให้คู่สัญญาบอกเลิกสัญญาเช่าตามบทมาตรานี้ ชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย สำหรับคดีนี้ การเช่าคู่สัญญาได้ตกลงกันไว้มีกำหนดเวลาเช่า ๑๐ ปี นับแต่วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๔๙๖ ซึ่งเป็นที่เห็นได้ว่าสัญญาเช่ารายนี้มีกำหนดเวลาสิ้นสุดแน่นอน คือ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๐๖ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๔ ซึ่งบัญญัติว่า อันสัญญาเช่านั้น ท่านว่าย่อมระงับไปเมื่อสิ้นกำหนดเวลาที่ได้ตกลงไว้ มิพักต้องบอกกล่าวก่อน มิใช่มาตรา ๕๖๖ ดังจำเลยเข้าใจ ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาเช่ารายนี้มีกำหนดเวลาสิ้นสุดแน่นอน และครบกำหนดเวลาสิ้นสุด ๑๐ ปีตามสัญญาแล้ว สัญญาเช่าย่อมระงับไปโดยมิพักต้องบอกกล่าว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าการบอกกล่าวเลิกสัญญาชอบหรือไม่ชอบ พิพากษายืน.