คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเขียนฎีกาด้วยเจตนาเพื่อให้เห็นว่าเป็นข้อกฎหมาย แต่โดยเนื้อแท้ก็คือ กล่าวว่าศาลอุทธรณ์ไม่ถือเอาเขตตามที่จำเลยนำชี้ และเป็นการเถียงกับความจริงที่จำเลยได้แถลงรับไว้ คือ ในชั้นฎีกาจำเลยจะให้เริ่มวัดอีกทางหนึ่งเพื่อทิ้งด้านทิศเหนือไว้และหนังสือยกที่ดินให้จะได้กินถึงที่พิพาทนั้น ย่อมเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง หาใช่ข้อกฎหมายไม่

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์จำเลยพิพาทกันเกี่ยวกับสวนยางและต้นยาง โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์เรียกค่าเสียหาย ๑,๙๘๐ บาท จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะโดยวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้ใช้ค่าเสียหาย ๘๔๐ บาท ฯลฯ จำเลยได้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ จึงรับฎีกาเฉพาะปัญหาที่ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตรงข้ามกับพยานหลักฐานในสำนวน และไม่วินิจฉัยชี้ขาดในข้ออุทธรณ์ของจำเลยเท่านั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอ้างว่าศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนขึ้นวินิจฉัยก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อกฎหมาย โดยเนื้อแท้แล้วก็กล่าวว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ถือเอาเขตตามที่จำเลยนำชี้คือแนวเส้นสีเหลืองเป็นจุดเริ่มต้นวัดลงมาทางใต้นั่นเอง จึงเป็นการเถียงความจริงที่จำเลยแถลงรับไว้ว่าทางทิศเหนือของที่จำเลยติดกับที่นายคงนายเมฆมีรั้วไม้ไผ่เป็นเขตแดน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงเริ่มต้นวัดจากแนวรั้วไม้ไผ่ลงมาทางทิศใต้ ครั้นถึงชั้นฎีกา จำเลยจะให้เริ่มต้นวัดจากเส้นสีเหลืองลงมาทางทิศตะวันออก ทิ้งที่ตอนทิศเหนือไว้เพื่อให้เนื้อที่ในหนังสือที่นางเอียดยกให้กินถึงที่พิพาท จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่เกี่ยวแก่ข้อกฎหมายแต่ประการใด จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๔๘ พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share