คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอแก้ฟ้องโดยเพิ่มสถานที่เกิดเหตุอีกแห่งหนึ่งเป็นการขอแก้รายละเอียด ถ้าไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ่ จำเลยไม่เสียเปรียบ ขอแก้ได้. พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ใช้เป็นบทเพิ่มโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำก่อนวันใช้ พ.ร.บ. นี้ด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมตนเป็นตำรวจจับกุมนายเทียบว่าไม่ปิดอากรแสตมป์ในใบรับเงิน ได้เรียกเงิน ๒ บาทจากนายเทียบเพื่อจะไม่เอาความ แล้วทำร้ายนายเทียบแบ่งเอาเงินไปได้อีก ๑๐ บาท ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว ๕ ครั้งขอให้ส่งตัวไปกักกัน ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้จริง แต่ข้อหาเรื่องปลอมตนเป็นตำรวจนั้น โจทก์ขอแก้ฟ้องเรื่องสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งจำเลยได้ให้การปฏิเสธไว้แล้ว ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ให้ยกคำร้องและยกฟ้องนี้เสีย คงลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ และให้ส่งตัวไปกักกันอีก ๕ ปี.
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่โจทก์ขอแก้ฐานที่เกิดเหตุให้ตรงกับความจริงนั้น ไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้และไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบอย่างใดจึงอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้ ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๒๗ กฏหมายอาญาอีกกะทงหนึ่ง นอกจากที่แก้ คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฏีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ในเรื่องเกิดเหตุนั้น เป็นการขอแก้รายละเอียดแห่งฟ้องและไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ เพราะปรากฏว่าตำบลที่โจทก์ขอแก้และเพิ่มเติมนั้นอยู่ติดต่อกันนั้นเอง ส่วนฏีกาเรื่องพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายนั้นเห็นว่า แม้พระราชบัญญัติกักกันจะออกใช้ภายหลังการกระทำผิดครั้งก่อน ๆ ของจำเลยก็ดี ก็ใช้เป็นบทเพิ่มโทษสำหรับความผิดครั้งก่อนๆ นั้นได้ เพราะมุ่งหมายลงโทษแก่ผู้ไม่เข็ดหลาบ ส่วนการที่จำเลยได้รับพระราชทานอภัยโทษนั้น ก็หาได้หมายความว่าการกระทำของจำเลยได้รับยกเว้นว่าไม่เป็นความผิดไม่ เพียงแต่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นเท่านั้น จึงพิพากษายืน

Share