คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยออกไปคอยผู้ตายซึ่งมาร้องด่าท้าทายชวนไห้ไปทำร้ายซึ่งกันและกันนะที่เกิดเหตุโดยเตรียมอาวุธไปด้วยนั้น เปนการสแดงความตั้งไจอันแท้จิงว่าต่างสมัคไจจะทำร้ายกันไม่ต้องด้วยลักสนะยั่วโทสะตามกดหมายอันจะเปนเหตุไห้ลดโทสได้.

ย่อยาว

คดีได้ความว่าเดิมจำเลยทำร้ายร่างกายนายหว่างบิดาผู้ตาย ถูกสาลลงโทสไปแล้วครั้นวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๔๘๖ ผู้ตายมาเยี่ยมนายหว่างขายว่าจำเลยเปนคนร้ายก็คือมีดไปท้าจำเลย จำเลยบอกไห้กลับไปไม่สู้ ต่อมาผู้ตายไปท้าจำเลยอีกมีผู้ห้ามเลิกไปถึงเวลา ๘๑ นาลิกา (ในวันเดียวกันนั้น) ผู้ตายมีอาวุธมีดและปืนลูกของไปร้องด่าท้าทายจำเลยอีก คราวนี้จำเลยรับปากว่าจะออกไปตีกับผู้ตายที่ทุ่งน้ำบ่อ แล้วจำเลยถือไม้ตะบองและมีดดาบออกไปยังที่เกิดเหตุก่อนผู้ตาย ฝ่ายผู้ตายเดินไปพลางร้องด่าท้าทายไปพลาง มีคนห้ามและจับตัวจำเลยกุ้ยไว้ แต่ต่างหลุดไปได้ วิ่งเข้าไส่กันต่างต่อสู้กัน แล้วผู้ตายวิ่งหนีกลับบ้านรุ่งขึ้นก็ตายเพราะพิสบาดแผลที่พูกจำเลยฟัน สาลชั้นต้นเห็นว่าเปนกรนีเรื่องสมัคไจวิวาทกัน แต่สมควนว่างโทสจำเลย แต่หย่างเบาตามกดหมายอาญามาตรา ๘๔๙ จึงพิพากสาไห้จำคุกจำเลย ๑๕ ปีลดตามมาตรา ๕๙ กึ่งหนึ่ง
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสาแก้ไห้ลดโทสจำเลยตามกดหมายอาญามาตรา ๕๕ อีกกี่งหนึ่งคงไห้จำคุกจำเลย ๓ ปี ๙ เดือน
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามรูปคดีที่กล่าวนี้จะเรียกว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เปนธัม และบันดานโทสะขึ้นไนขนะกะทำความผิดนั้นยังไม่ได้ ผู้ตายมาร้องท้าทายชวนไห้ไปทำร้ายซึ่งกันและกันไนครั้งสุดท้ายจำเลยก็ยินยอมรับคำท้าทายแลนัดไปตีกัน จำเลยได้เตรียมอาวุธและออกไปคอยหยู่นะที่เกิดเหตุก่อน เปนการสแดงความตั้งไจอันแท้จิง มีคนห้ามปรามทั้งสองข้าง แต่ต่างฝ่ายก็สมัคไจจะทำร้ายกัน กรนีไม่ต้องด้วยลักสนะยั่วโทสะตามกดหมาย จึงพิพากสาแก้สาลอุธรน์ไห้บังคับคดีตามคำพิพากสาสาลชั้นต้น.

Share