แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สิทธิตาม ป.พ.พ.ม. 1382 ที่ยังมิได้จดทะเบียน ท่านมิให้ยกขึ้นเป้นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทน และโดยสุจริตแล้ว
สิ่งใดที่จำเลยมิได้ต่อสู้ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลจะต้องชี้ขาดตัดสินค่าเสียหายซึ่งโจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องและยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ก่อกำแพ่งรุกล้ำเข้ามาในแนวเขตที่ดินตามโฉนดที่ ๒๒๖๗ ของโจทก์กว้างประมาณ ๒๐ เซ็นติเมตร์ ยาวเป็นขายธงประมาณ ๑๔ เมตร ๑๕ เซ็นติเมตรเป็นเนื้อที่ประมาณ ๑๐๖ ตารางเมตร ราคาประมาณ ๒๐๐ บาท ซึ่งโจทก์ได้มาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว โจทก์ได้ห้ามจำเลย จำเลยไม่เชื่อฟัง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายคิดเป็นเงิน ๒๐๐ บาทขอให้ขับไล่จำเลยให้รื้อกำแพ่งออกไป
จำเลยแก้ว่าจำเลยได้ทำกำแพงภายในเขตที่ดินของจำเลย ก่อนเพลิงไหม้ตรงที่พิพาทมีกำแพงกั้น เป็นเขตระหว่างที่ดินของโจทก์กับจำเลยอยู่ก่อนแล้ว เป็นกำแพงเก่าซึ่งมรมาหลายสิบปีก่อนโจทก์ได้ซื้อที่พิพาท ครั้นเพลิงไหม้แล้วจำเลยได้ต่อฐานกำแพงใหม่บนรากฐานเดิม มิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ก็ตาม จำเลยได้ปกครองต่อเนื่องตลอดมาโดยความสงบ และเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย
คู่ความแถลงรับกันดังนี้
๑.โจทก์แถลงรับว่า จำเลยได้ครอบครองกำแพงตรงที่พิพาทมาเกิน ๑๐ ปีก่อนโจทก์ซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๑๕๗ ซึ่งภายหลังแยกเป็นโฉนดที่ ๒๒๖๗ อีกแปลงหนึ่ง
๒. จำเลยแถลงรับว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๕๗ ซึ่งภายหลังแยกเป็นโฉนดที่ ๒๒๖๗ อีกแปลงหนึ่งจริง โจทก์ซื้อไว้โดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตจริง และรับว่าขณะซื้อโจทก์ไม่ทราบเรื่อง การปกครองปรปักษ์ของจำเลย มาทราบภายหรับ การซื้อที่ดินดังกล่าวโจทก์ได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว กำแพงพิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ ๒๒๖๗ ของโจทก์ จำเลยเพิ่งทราบเมื่อทำแผนที่วิวาท
และต่างแถลงรับกันว่า กำแพงพิพาทเป็นกำแพงเก่ามีอยู่มาหลายสิบปีแล้ว จำเลยได้ก่อกำแพงขึ้นใหม่เป็นรากฐานและแนวกำแพงเดิม และความข้อนี้โจทก์เพิ่งทราบภายหลังที่โจทก์ซื้อที่ดินของโจทก์
คู่ความต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีนี้เข้าตามบทบัญญัติป.พ.พ.ม. ๑๓๑๐ ตอนท้ายและปรากฎว่าจำเลยได้สร้างกำแพงในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต และโจทก์แสดงได้ว่ามิได้มีความประมาทเลินเล่อการที่จะให้จำเลยรื้อถอนกำแพงไปจะทำไม่ได้โดยใช้เงินพอสมควรพิพากษาให้จำเลยซื้อที่ดินตรงที่ปลูกกำแพงรายพิพาท เรื่องราคาที่ดินโจทก์ได้ตีราคา ๒,๐๐๐ บาท จึงให้จำเลยซื้อที่ดินปลูกกำแพงเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เท่าที่คูคความแถลงรับกันฟังได้ว่าโจทก์ได้ซื้อดินรายนี้มาโดยสุจริต โดยมีค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว กำแพงที่ก่อสร้างอยู่ในเขตที่ดินที่โจทก์ซื้อ ขณะซื้อโจทก์ไม่ทราบเรื่องการปกครองปรปักษ์ของจำเลย หากจะถือว่าจำเลยได้ปกครองที่พิพาทซึ่งเป็นรากกำแพงมาหลายสิบปี จำเลยได้กรรมสิทธิในที่ดินตาม ป.พ.พ.ม. ๑๓๘๒ ตามที่จำเลยกล่าวอ้างนั้น สิทธิที่จำเลยอ้างว่า ได้นั้นก็ยังมิได้จดทะเบียนสิทธิอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น ท่านมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทน และโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต แล้วตาม ป.พ.พ.ม. ๑๒๔๔ วรรคท้าย และเห็นว่าฝ่ายจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าที่ตรงพิพาทไม่ควรให้รื้อกำแพงด้วยเหตุอันใด การรื้อจะเสียหายแก่จำเลยอย่างไร และการที่จะให้รื้อถอนไปจะทำไม่ได้ โดยใช้เงินพอควรก็ไม่ได้ความเลย โดยต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ประเด็นคงมีเพียงว่าที่ตรงพิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยเท่านั้น ส่วนเรื่องค่าเสียหายตามที่โจทก์ฟ้องชั้นอุทธรณ์
โจทก์มิได้ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ เพิ่งจะมากล่าวในชั้นฎีกา จึงไม่วินิจฉัย พิพากษาแก้ให้จำเลยรื้อถอนกำแพงออกไปจากที่ของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้อง นอกจากที่แก้พิพากษายืน