แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยยกปืนที่พร้อมจะยิงได้จ้องไปทางเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งกำลังกอดปล้ำจับกุมพวกของจำเลยโดยเจตนาที่จะยิง แม้ยังมิทันขึ้นนกปืนก็ตาม ก็เป็นพยายามกระทำความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว เพราะการลงมือยิงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ยกปืนที่พร้อมจะยิงได้ เล็งไปยังเป้าหมาย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2504)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจมีอาวุธปืนพกใช้ยิงได้คนละกระบอก กับกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้จดทะเบียน และได้บังอาจสมคบกันชกต่อยต่อสู้ขัดขวางและใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงเจ้าพนักงานตำรวจและทหารในขณะเข้าจับกุมจำเลยในข้อหาฐานมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาต โดยจำเลยเจตนาฆ่าแต่มีเหตุอันพ้นวิสัยที่จะป้องกันได้มาขัดขวางเสีย จำเลยจึงฆ่าบุคคลดังกล่าวไม่สำเร็จสมดังเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การรับว่า มีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจริง แต่ปฏิเสธว่ามิได้ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยทั้งสองได้ลงมือกระทำผิด คือ จะยิงเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่แล้ว พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ ให้จำคุกจำเลยคนละ ๒ เดือน ปรับคนละ ๒,๔๐๐ บาท ลดฐานสารภาพให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ ๑ เดือน ปรับคนละ ๑,๒๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอ คงปรับสถานเดียว และจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘,๒๙๖,๒๘๙,๘๐ อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๙,๘๐ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยคนละ ๑๖ ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ วรรค ๒ กระทงเดียว ให้จำคุก ๖ เดือน จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ และ ๑๓๘ ให้ลงโทษจำคุกนายประเสริฐจำเลยที่ ๒ สิบหกปี
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ในระหว่างฎีกา นายวิเชียรจำเลยที่ ๑ ถูกยิงตาย คดีคงเหลือนายประเสริฐจำเลยที่ ๒ ผู้เดียว
ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษและสั่งริบอาวุธปืนของกลาง จำเลยมิได้อุทธรณ์ ความผิดฐานนี้เป็นอันยุติแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจที่จะยกฟ้องโจทก์ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
คดีสำหรับนายประเสริฐจำเลยนั้น พยานโจทก์เห็นตรงกันว่า จำเลยยกปืนจ้องไปทางเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งกำลังกอดปล้ำจับกุมนายวิเชียรพรรคพวกของจำเลย ปืนนั้นบรรจุกระสุนอยู่พร้อมแล้ว แต่ยังมิทันขึ้นนกปืน ดังนี้มีปัญหาว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้วหรือยัง ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จำเลยยกปืนที่พร้อมจะยิงได้เล็งไปยังเป้าหมายโดยเจตนาที่จะยิง เป็นการพยายามกระทำความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว การที่จำเลยยังไม่ยิงทันทีเพราะเกรงจะถูกพรรคพวกของตนนั้นเป็นแต่จำเลยเลือกโอกาสที่จะยิง หากโอกาสไม่ให้ ก็เป็นเหตุขัดขวางที่ทำให้การยิงกระทำไปไม่ตลอด ส่วนการขึ้นนกแล้วสับไก เป็นขั้นสุดท้ายที่ทำให้การยิงสำเร็จ การลงมือยิงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ยกปืนที่พร้อมจะยิงได้เล็งไปยังเป้าหมาย โดยเจตนาที่จะยิง แม้มิทันขึ้นนกปืนเพื่อสับไก ก็เป็นพยายามกระทำผิดแล้ว
ที่จำเลยฎีกาว่า เพียงแต่ทำท่าจะยิง จะงดเสียไม่ยิงก็ได้ ข้อนี้เห็นว่า การงดไม่ยิง เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำให้ตลอดไปหรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำบรรลุผล เป็นเหตุที่กฎหมายไม่เอาโทษสำหรับการพยายามกระทำผิด มิใช่ว่ายังไม่เข้าเกณฑ์พยายามกระทำผิด แต่เรื่องนี้ จำเลยกระทำการยิงเจ้าพนักงานตำรวจไม่สำเร็จเพราะตำรวจเข้าขัดขวาง โทษของจำเลยในการพยายามกระทำความผิดยังคงมีอยู่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายประเสริฐจำเลยที่ ๒ ฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่มานั้นชอบแล้ว
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีลงโทษนายประเสริฐจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้จำหน่ายคดีนายวิเชียรจำเลยที่ ๑ เสีย