แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาค้ำประกันหนี้จำนองอีกชั้นหนึ่งนั้นย่อใช้ได้ตามกฎหมาย
ผู้ค้ำประกันมีสิทธิที่จะขอให้เจ้าหนี้ซึ่งมีทรัพย์ของลูกหนี้จำนองไว้เป็นประกันเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินนั้นก่อนได้
อ้างฎีกาที่ 1313/2480
ย่อยาว
ได้ความว่า ก.ได้จำนองที่ดินไว้แก่โจทก์เป็นเงิน ๕๐๐๐ บาท ในการจำนองนี้จำเลยทำสัญญาค้ำประกันหนี้สินการจำนองไว้บัดนี้ ก.วายชนม์ โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยผู้ค้ำประกันใช้ต้นเงินหรือให้เอาที่ดินจำนองขายทอดตลาดใช้หนี้โจทก์ ขาดอีกเท่าใดให้โจทก์ใช้จนครบ
จำเลยให้การว่าสัญญาจำนองขัดต่อประมวลแพ่งฯ ม.๗๓๓ ที่แก้ไขใหม่ อนึ่งถึงแม้ว่าจำเลยจะต้องรับผิดก็ต่อเมื่อโจทก์บังคับการจำนองได้เงินไม่พอ จำเลยจึงขอใช้สิทธิของผู้ค้ำประกันให้โจทก์บังคับชำระหนี้จากที่ดินรายจำนองก่อน
ศาลฎีกาตัดสินว่า กฎหมายมิได้ห้ามการค้ำประกันในการจำนองจะทำสัญญากันไว้เป็นพิเศษก็ย่อมทำได้ แม้แต่ผู้จำนองเองก็ยังทำสัญญารับผิดเพิ่มจากราคาทรัพย์ที่จำนองได้ตามนัยฎีกาที่ ๑๓๑๓/๒๔๘๐ จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกยินยอมเข้ามาค้ำประกันด้วยแล้วจะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ แต่การที่โจทก์เลือกฟ้องผู้ค้ำประกันก่อนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นดังความเห็นของศาลอุทธรณ์ว่า ตามสัญญาค้ำประกันนี้จำเลยได้เข้ารับเป็นผู้ค้ำประกันตามธรรมดาหรือยอมตนเข้าเป็นลูกหนี้รวม ซึ่งตามความในสัญญที่ว่า “ผู้ค้ำประกันยอมใช้ให้แทน” แสดงให้เห็นว่าเป็นเงื่อนไขของการค้ำประกันตามธรรมดาเท่านั้น อันสาระสำคัญของการค้ำประกันการจำนองซึ่งเจ้าหนี้มีหลักทรัพย์ยึดถือไว้เป็นประกันนั้น ตามธรรมดาต้องเข้าใจว่าการค้ำประกันก็เพื่อสำรองความผิดพลาดในทรัพย์หรือราคาของทรัพย์ที่ขาด เมื่อไม่ปรากฎว่าทรัพย์จำนองหายสูญไป เป็นแต่โจทก์ไม่จัดการบังคับเอาเองดังนี้ จำเลยจึงมีสิทธิตาม ม.๖๙๐ ที่จะขอให้โจทก์บังคับเอากับทรัพย์สินจำนองก่อน จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์