แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตัดไม้หวงห้ามในที่ดินของตนไม่มีผิดแปลความหมายคำว่า ” ป่า ” ตาม พ.ร.บ.รักษาป่า
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยตัดแลลอกเปลือกไม้ตะบูนซึ่งเปนไม้ที่รัฐบาลหวงห้ามในที่ดินของจำเลย จึงมีปัญหาว่าจำเลยจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาป่าหรือไม่
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยไม่มีผิด  เพราะโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลอกเปลือกไม้ตะบูน  แต่ตามประกาศที่โจทก์อ้างห้ามไม่ให้ตัดฟันชักลากเท่านั้นแลถึงแม้จะได้ความว่าจำเลยตัดฟันก็ดี  ก็เปนการนอกข้อหาของโจทก์   แลไม้รายนี้ก็อยู่ในที่ดินของจำเลย จึงให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า  ถึงแม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยลอกเปลือกไม้ตะบูนก็ดี  ก็เข้าบทห้ามตาม พ.ร.บ.รักษาป่า  แลตาม ม.๓ ข้อ ๒ อธิบายคำว่าป่า  คือ ที่ดินซึ่งมิได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตออกโฉนดให้แก่ผู้ใด  ที่ดินของจำเลยรายนี้หามีหนังสือสำคัญไม่   จึงต้องฟังว่าจำเลยตัดไม้ในป่า  มีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาป่าแลกฎข้อบังคับรักษาป่า พ.ศ.๒๔๕๖ ข้อ ๑๖ ให้ปรับจำเลย ๑๒ บาท  ลดโทษตามกฎหมายอาญา ม.๕๙ เสีย ๑ ใน ๓ คงปรับ ๘ บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชปรารภแห่ง พ.ร.บ.รักษาป่า พ.ศ.๒๔๕๖  นั้น มีความมุ่งหมายที่จะสงวนพรรณไม้กระยาเลยชนิดที่เปนสินค้ามีราคาไว้ให้ยืดยาวมิให้สูญไปโดยคนตัดซึ่งทำให้ป่าไม้อันมีราคากลายเปนป่าที่ปราศจากประโยชน์  รัฐบาลจึงได้ออก พ.ร.บ. ป้องกันมิให้คนตัดฟันโดยอำเภอใจ  นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน  ส่วนความใน ม.๓ ข้อ ๒ นั้น  หมายความถึงที่ดินซึ่งเปนป่าที่ยังมิได้ออกโฉนดให้แก่ใคร  ที่ดิน ๆ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออกโฉนดแก่ผู้ใดแล้วหรือที่ซึ่งบุคคลถือกรรมสิทธิเปนเจ้าของนั้นตามสภาพไม่ใช่ป่า  การที่จำเลยตัดไม้ตะบูนในที่ดินซึ่งตนถือกรรมสิทธิเปนเจ้าของจึงไม่มีผิดให้ยกคำตัดสินศาลอุทธรณ์เสีย  บังคับคดีไปตามศาลเดิม

