แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ใหญ่บ้านไปจับจำเลยในคดีที่หาว่าจำเลยเบิกความเท็จแล้วพาตัวไปอำเภอ แต่ความปรากฎว่าระหว่างทางผู้ใหญ่บ้านให้จำเลยข้ามคลองไปก่อนและจำเลยว่าจะไปคอยข้างหน้า ผู้ใหญ่บ้านอนุญาตดังนี้การที่จำเลยไปแล้วกลับหลบหลีกไม่ไปอำเภอเช่นนี้ จะฟังว่าจำเลยหลบหนีในระหว่างคุมขังตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.163 ยังไม่ได้ ในระหว่างนั้น จำเลยไม่ได้อยู่ในความควบคุมหรือคุมขังของผู้ใหญ่บ้าน ได้ความดังนี้แล้ว ปัญหาอื่นเรื่องผู้ใหญ่บ้านจะมีอำนาจจับกุมและการจับกุมจะต้องมีหมายจับหรือไม่ ๆ จำเป็นต้องวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๔๔๕ จำเลยนี้ถูกนายพร้อมผู้ใหญ่บ้านจับกุมฐานเบิกความเท็จตามคำสั่งของนายอำเภอท่าแซะ และในระหว่างจำเลยถูกนายพร้อมควบคุมตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อส่งพนักงานสอบสวน จำเลยได้บังอาจหลบหนีไป ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.๑๖๓
จำเลยปฏิเสธว่า นายพร้อมผู้ใหญ่บ้านมิได้จับกุม จำเลยจำเลยมิได้หลบหนี
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพะยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่สงสัยไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ใจความว่าการกระทำของนายพร้อมผู้ใหญ่บ้านย่อมเป็นการจับกุมตัวจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และนายพร้อมมีอำนาจจับกุมจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ การที่จำเลยหลบหลีกไม่ไปอำเภอกับนายพร้อมตามคำสั่ง จึงต้องมีผิดฐานหลบหนีการควบคุมโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๖๓
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยเดินทางไปพร้อมกับนายพร้อมผู้ใหญ่บ้านเพื่อไปอำเภอในคดีที่หาว่า จำเลยเบิกความเท็จนั้นจะถือว่า จำเลยถูกควบคุมหรือคุมขังโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ก็ตาม แต่คดีก็ได้ความว่าตามที่ศาลล่างฟังมาซึ่งศาลนี้ต้องถือตามว่า ระหว่างทางนายพร้อมให้จำเาลย ข้ามคลองไปก่อนและจำเลยว่าจะไปคอยข้างหน้า นายพร้อมก็อนุญาต การที่จำเลยไปแล้วหลบหลีกไม่ไปอำเภอเช่นนี้จะฟังว่าจำเลยหลบหนีในระหว่างคุมขังตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๖๓ ยังไม่ได้ เพราะระหว่างนั้น จำเลยไม่ได้อยู่ในความควบคุมหรือคุมขังของนายพร้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นอีกต่อไป
พิพากษายืน