คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อ่จำเลยฉวยโอกาศในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเล่นการพนันโดยใช้ไม้ตะบองขู่เข็ญว่าจะทำร้ายและค้นเอาเงินจากผู้เสียหายไป แล้วหาได้จับกุมฐานเล่นการพนันไม่ ดังนี้ จำเลยมีผิดฐานสมคบกันปล้นทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพลำรวจสนทิและนายแช่มปล้นเอาเงินของนายปั๋นนายบุญมีนายด้วงไป ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๐๑ ฯลฯ และให้ใช้เงิน
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาไปเพื่อจับผู้เล่นการพนัน ไม่พอจะเชื่อว่ามีเจตนาลักหรือชิงทรัพย์การที่เอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเป็นผลเกิดขึ้นภายหลัง ไม่พอจะวินิจฉัยว่าเป็นการปล้นทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบกับพล่ตำรวจสนิทและนายแช่มใช้ไม้ตะบองขู่จะทำร้ายและค้นเอาเงินจากกระเป๋าของผู้เสียหายไปโดยแสดงให้เห็นว่ามุ่งจะเอาแต่เงินผู้เสียหาย หาใช่จะจับกุมผู้เล่นการพนันอย่างเป็นเจ้าพนักงานไม่เป็นการกระทำอย่างโจร หาใ่ช่เป็นผลเกิดขึ้นในตอนหลังอย่างศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่ พิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ ๑๐ ปีตามมาตรา ๓๐๑ ฯลฯ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกับพวกใช้ไม้ตะบองข่มขู่จะทำร้ายและค้นเอาเงินจากผู้เสียหาย เมื่อค้นได้แล้วกลับบอกให้ผู้เสียหายหนีไป แล้วจำเลยสั่งไม่ให้พูดไป ถ้าพูดไปจะเอาตายเลย เป็นการจงใจมาขู่เข็ญบังคับเอาเงินจากผู้เสียหายโดยฉวยโอกาศในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเล่นการพนันเมื่อค้นได้เงินแล้วก็หาได้จับกุมฐานเล่นการพนันไม่ ดังนี้เป็นการสมคบกันมากระทำการโจรกรรม ให้ยกฎีกา พิพากษายืน

Share