คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2466

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

เดิม ต. ฟ้องเรียกที่นา ๓๙ ไร่เศษจาก ค. ตามสัญญาแบ่งทรัพย์ระหว่าง ต. แล ค. ศาลฎีกาได้พิพากษาเด็ดขาดแล้วว่า ถ้า ต.จัดการโอนที่นา ๑๓ ไร่ที่ ม.ยอมยกให้แก่ ค.แล้ว ให้ ค.โอนกรรมสิทธิที่นา ๓๙ ไร่เศษให้ ต.
ศาลจังหวัดเพ็ชรบุรีได้เรียก ต. ค. แล ม. มาให้จัดการตามคำพิพากษาเปน ๓ – ๔ ครั้ง ก็ไม่เปนการตกลง โดยค.จะเอาที่นาแปลงอื่นซึ่งมีเนื้อที่นา ๑๑ ไร่ ต่อมา ม.ขายที่รายนี้เสีย
ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษวินิจฉัยว่า การที่ ต. ไม่สามารถส่งที่นา ๑๑ ไร่ให้แก่ ค. ได้ ต้องถือว่าเปนความผิดของ ต. ไม่ควรบังคับจำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ม. ได้แสดงความเต็มใจที่จะโอนที่นา ๑๓ ไร่ให้แก่ ค. ตั้งแต่แรกแล้วนับว่า ต. ได้จัดการตามน่าที่ของตนแล้ว แต่หาก ค. ไม่ยอกจะขอเอาที่รายอื่นนอกออกไปจากคำพิพากษาศาลล่างยอมเลื่อนการบังคับไปหลายครั้ง ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๑ ศาลล่างควรถือว่าการที่จะบังคับความให้เสร็จไปโดยเร็วเปนการสำคัญ มิฉนั้นจะเปนความเดือดร้อนแก่คู่ความซึ่งชนะคดีแล้วไม่ได้รับผลเต็มตามคำพิพากษา การบังคับความเนิ่นช้าเปนการไร้ผลแก่ผู้ชนะคดี
คำพิพากษาชั้นเดิมได้บังคับให้ ต. ส่งที่นาของ ม. ราย ๑๓ ไร่ต่างหาก เมื่อ ต.แล ม. ยินยอมแล้วจะว่า ต. ผิดมิได้ การที่ ค.ร้องขอนา ๑๑ ไร่นั้นเปนเรื่องนอกคำพิพากษาที่เด็ดขาดแล้ว คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษที่ว่าเมื่อ ต. ส่งที่นา ๑๑ ไร่ไม่ได้ ฝ่าย ต. จึงเปนผู้ผิดนั้น หาถูกต้องในการบังคับคดีให้เปนไปตามคำพิพากษาฎีกานั้นไม่ อาศรัยเหตุนี้ จึงบังคับให้ ค. โอนที่นา ๓๙ ไร่เศษให้แก่ ต. แลเมื่อ ค.จะรับโอนที่นา ๑๓ ไร่ของ ม. ก็ให้ ต.แล ม. จัดการโอนให้ ค.

Share