แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างกลางคืน วันที่ 23 และ วันที่ 26 ดังนี้ไม่เรียกว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม พยาน คำของพะยานผู้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดนั้นรับฟังประกอบลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันลักแร่ของบริษัทกระทู้ดินในดรงเก็บแร่ของบริษัทไปในเวลากลางคืนรวม ๒ ครั้ง ครั้งแรกในระหว่างวันที่ ๒๓ และวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๗๘ ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒๖ และ ๒๗ พฤษภาคม ๒๔๗๘ รวมแร่ ๕๘ ถุง
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันว่าจำเลยลักแร่โจทก์ไปครั้งที่ ๑ ครั้งเดียวส่วนครั้งที่ ๒ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้ลัก พิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ ๒ ปี ตาม ม. ๒๙๓ ข้อ ๑-๔-๑๑
จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่ได้ระบุให้แน่นอนว่าคืนไหนในระหว่างวันที่ ๒๓ และ ๒๖ ได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น และว่าศาลไม่ควรเชื่อฟังคำของ ค. และ ช. พะยานโจทก์ เพราะพะยานทั้งสองนี้ ได้รู้เห็นด้วยในการกระทำผิด ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม. ๒๒๖
ศาลฎีกาเห็นว่าคำบรรยายกล่าวถึงกำหนดวันอันใกล้เคียงเป็นการฟ้องเพียงพอที่จำเลยจะทราบถึงเรื่องที่ต้องหาแล้ว ส่วนที่ศาลรับฟังคำของ ช. และ ค. นั้น ปรากฏว่า ช. เป็นลูกจ้างขับรถของจำเลยขนแร่ที่ลักเอามา แต่ก็ได้กระทำไปโดยเชื่อฟังคำสั่งของจำเลยผู้เป็นนายจ้างยังไม่พอจะฟังว่ารู้เห็นด้วย ส่วน ค. นั้นเป็นผู้รู้เห็นด้วยในการกระทำผิดโดยจำเลยเป็นคนเฝ้าทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ยินยอมร่วมกับจำเลยในการลักด้วย แต่เห็นว่าคดีนี้เกิดก่อนใช้ประมวลวิธีพิจารณาอาญาจึงไม่ใช้บังคับ+และเห็นว่าผู้ที่รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดนั้นย่อมเป็นพะยานที่ดีใช้ยันจำเลยได้ ถึงแม้คำพะยานเช่นนี้จำต้องฟังด้วยความระมัดระวัง หากไม่มีพะยานประกอบในข้อสำคัญ วินิจฉัยว่าคำของ ข. และพะยานอื่น ๆ เพียงพอเป็นข้อประกอบคำของ ค. จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์