แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเอาที่ดินไปจำนองเพื่อป้องกันมิให้ถูก++ชำระหนี้ได้เต็มราคาของที่แล้ว จำเลยก็ต้องมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 308 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลไม่จำต้องให้ทนายจำเลยขัดค้านพะยานโจทก์ก็ได้ในเมื่อเห็นว่าแม้จะให้ชัก++ก็ไม่มีผลแก่คดีจำเลย
ย่อยาว
ได้ความว่าเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ ศาลแพ่งได้สั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์และได้รับเงินของโจทก์ไปรักษาไว้ ครั้นโจทก์บรรลุนิติภาวะจึงไปขอคืน จำเลยก็บิดพลิ้วต่าง ๆ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลของให้เรียกจำเลยมาสอบถามเรื่องเงินรายนี้ จำเลยก็ไม่มาโจทก์จึงฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ๆ ทำสัญญายอมความกับโจทก์เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๒ กำหนดจะใช้เงินให้ภายใน ๑ เดือนถึงกำหนดจำเลยก็ไม่ใช้โจทก์สืบทราบว่าจำเลยได้จำนองที่ของจำเลยทั้ง ๒ แปลง แก่นายสม เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ แล้ว จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๘, ๓๐๙,
ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๐๘
จำเลยฎีกาว่า (๑) ศาลชั้นต้นไม่ให้จำเลยไม่เป็นการป้องกันการยึด
ศาลฎีกาเห็นว่า (๑) ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแม้ศาลจะให้ทนายจำเลยชักค้านพะยานโจทก์ก็ไม่มีผลแก่คดีจำเลย เพราะชั้นพิจารณาทนาย จำเลยก็ได้ชักค้านพะยานโจทก์แล้ว
(๒) การจำนองแม้กรรมสิทธิจะยังอยู่กับจำเลย ก็จริง แต่จำเลยก็ได้เอาค่าแห่งทรัพย์นั้น ไปเพื่อป้องกันมิให้ที่ดินนั้นถูกยึดชำระหนี้ได้เต็มราคา จึงมีความผิดตาม ม. ๓๐๘ แห่งกฎหมายอาญา คดีนี้ จำเลยจำนองเต็มราคาแลไม่มีทรัพย์อื่นอีก ยิ่งแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะฟ้องกันมิให้ที่ของจำเลยถูกยึดเลย เพราะจะยึดไปขายทอดตลาดก็ไม่เป็นผลแก่โจทก์พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์