แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บังคับคนนอกสำนวนเดิมมีการฟ้องกันเรื่องขอให้ส่งเด็กคืนสำนวนหนึ่งแล้วต่อมาบิดาของเด็กนั้นฟ้องโจทก์ในสำนวนก่อนนี้เป็นจำเลยขอให้ส่งเด็กซึ่งเป็นบุตรของตนคืนบ้าง ศาลสั่งให้พิจารณารวมกันแล้วกลับบังคับให้จำเลยในสำนวนก่อนนั้นคืนเด็กให้แก่โจทก์ในสำนวนใหม่นี้ เรียกว่าเป็นการที่ศาลบังคับคดีนอกคำขอผิดประเด็นผิดสำนวน
พะยาน
เอาคำพะยานซึ่งคู่ความไม่มีโอกาศซักค้านถามพะยานมาประกอบเป็นหลักฐานบังคับคดีอีกเรื่องหนึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
ย่อยาว
คดีนี้เดิม ย.จำเลยเป็นโจทก์ฟ้อง ม. แล ล.ขอให้ส่งตัวเด็กหญิงจันทรโดยกล่าวว่า ม.แล ล.พาเด็กหญิงจันทรบุตรบุญธรรมของโจทก์ไปจากความคุ้มครองของโจทก์
ต่อมา ห .โจทก์ในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้อง ย .จำเลยขอให้ส่งตัวเด็กหญิงจันทรคนเดียวกันนี้คืน โดยกล่าวว่าตนเป็นบิดาเด็กหญิงจันทรเมื่อหลายปีมาแล้วจำเลยขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมแต่แล้วกลับไปยกให้ผู้อื่นต่อไป จึงฟ้องเรียกคืน
ศาลเดิมสั่งพิจารณาคดีทั้ง ๒ สำนวนนี้รวมกัน แลจดรายงานสอบถามคู่ความทั้ง ๓ ฝ่ายต่อไป แล้วสั่งงดสืบพะยานทั้ง ๒ สำนวน แลวินิจฉัยว่าเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเด็กหญิงจันทรเป็นบุตรโจทก์ ๆ ย่อมมีอำนาจเรียกคืนได้เสมอไม่ว่าเด็กจะไปตกอยู่ที่ใคร แม้โจทก์จะไม่ได้ฟ้อง ม.แล ล.ก็ดีเมื่อศาลสั่งให้พิจารณาคดี ๒ สำนวนรวมกันแล้ว ศาลก็ย่อมบังคับให้ ม.แล ล.คืนเด็กให้แก่โจทก์ได้ทีเดียว จึงพิพากษาบังคับให้ ม. แล ล.ส่งตัวเด็กหญิงจันทรคืนให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกข้อที่บังคับให้ ม. แล ล.ส่งเด็กหญิงจันทรให้แก่โจทก์เสีย แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้อง ม. แล ล.ต่อไป
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ ม. แล ล. มิได้เป็นคู่ความกับโจทก์ ถึงแม้ศาลจะได้สั่งพิจารณาคดีทั้ง ๒ สำนวนพร้อมกันก็ไม่ทำให้ ม.แล ล.กลายเป็นจำเลยของโจทก์ในคดีนี้ ทั้งโจทก์ก็มิได้เปลี่ยนคำขอที่จะให้ศาลบังคับ ม. แล ล.ประการใด เห็นว่าศาลเดิมได้บังคับคดีนอกคำขอเป็นการผิดประเด็นผิดสำนวนแลประการหนึ่งการที่ศาลเดิมบังคับให้ ม. แล ล.ส่งตัวเด็กหญิงจันทรแก่โจทก์ก็โดยอาศัยคำพะยานหลักฐานของโจทก์ในคดีที่ฟ้อง ย.เป็นจำเลยมาประกอบรายงานพิจารณา แต่เวลาสืบพะยานของ ห.นั้น ม.แล ล.ก็หาได้อยู่แลมีโอกาศซักค้านถามพะยานไม่ ฉะนั้นการที่ศาลใช้คำพะยานในเรื่องนั้นมาเป็นหลักฐานในการบังคับคดีของ ม. แล ล. ก็เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาอีกจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์